“หญิงตั้งครรภ์ โดนยุงกัด เสี่ยงทารกศีรษะเล็ก พิการแต่กำเนิด”

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช เตือนหน้าฝน มักมีการระบาดของโรคที่นำโดยยุงลาย เช่น โรคไข้เลือดออก โรคไข้ปวดข้อยุงลาย และโรคติดเชื้อไวรัสซิกา โดยเฉพาะโรคติดเชื้อไวรัสซิกา สามารถติดต่อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์ได้ แนะหญิงตั้งครรภ์ป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงกัด เพราะหากติดเชื้อไวรัสซิกาแล้ว อาจส่งผลให้ทารกที่คลอดออกมามีความผิดปกติ เช่น ศีรษะเล็ก การได้ยินผิดปกติ พัฒนาการช้า และพิการแต่กำเนิด
นายแพทย์ไกรสร โตทับเที่ยง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสซิกา เขตสุขภาพที่ 11 ปี 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 10 ตุลาคม 2566 จากการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก พบผู้ป่วยยืนยันจำนวน 5 ราย เป็นเพศชาย 1 ราย เพศหญิง 4 ราย โรคติดเชื้อ ไวรัสซิกา เกิดจากการถูกยุงลายที่มีเชื้อกัด ระยะฟักตัวในคนประมาณ 3 – 12 วัน หลังจากนั้นจะมีอาการไข้ ปวดศีรษะ มีผื่นแดง ที่บริเวณลำตัว แขนขา เยื่อบุตาอักเสบ ตาแดง ปวดข้อ อ่อนเพลีย นอกจากนี้โรคติดเชื้อไวรัสซิกายังสามารถติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อได้ด้วย ปัจจุบันโรคติดเชื้อไวรัสซิกายังไม่มีวัคซีนป้องกัน หากป่วยจะรักษาตามอาการ

หญิงตั้งครรภ์เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเชื้อไวรัสซิกาจากมารดาที่ป่วย สามารถส่งต่อไปยังทารกในครรภ์ และไวรัสยังทำให้ทารกมีศีรษะเล็ก (microcephaly) จากสมองไม่เติบโต เกิดความพิการแต่กำเนิด และพัฒนาการล่าช้า บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น แท้ง ดังนั้นหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการไข้ ออกผื่น ตาแดง ปวดข้อ ให้สงสัยว่าอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสซิกา ควรรีบพบแพทย์เพื่อขอรับการตรวจวินิจฉัยโรคทันที
นายแพทย์ไกรสร กล่าวเพิ่มว่า การป้องกันโรคติดเชื้อจากยุงลายที่ดีที่สุด คือ ป้องกันไม่ให้ยุงกัด ขอให้ประชาชนช่วยกันลดความเสี่ยงของโรคนี้ด้วยการร่วมกันกำจัดยุงตัวแก่และทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย โดนเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ยิ่งต้องมีความตระหนักในการป้องกันไม่ให้ยุงกัดเป็นพิเศษ หากสงสัยสอบสามารถถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422
![]()