ทส.เปิดโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่าเฉลิมพระเกียรติ ร.10 เลือกพื้นที่ป่าชายเลน จ.นครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่นำร่อง

DSC_0420DSC_0413
เมื่อ24กค. ณ พื้นที่ป่าชายเลน หมู่ 9 ต.ท่าซัก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นางสุวรรณรา เดียร์สุวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28กค.2563 โดยมีนายอภิชัย เอกวนากุล ผอ.สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน รรท.อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายอาคม ยุทธนา ผอ.สำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.นครศรีธรรมราช พร้อมคณะผู้บริหาร ข้าราชการ จนท.ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 หน.ส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน จิตอาสาพระราชทาน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมโครงการจำนวนมาก

DSC_0408DSC_0404
นางสุวรรณา กล่าวว่า ทางกรม ทช.ได้ดำเนินการเลือกพื้นที่จัดโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่าเฉลิมพระเกียรติ บริเวณ อ.เมือง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 3แปลง บนเนื้อที่ 110ไร่ ซึ่งกำหนดเปิดพร้อมกันทั่วประเทศในวันนี้(24กค.) กำหนดเป้าหมายพื้นที่ปลูกป่าชายเลนออกเป็น 3ระยะ คือระยะเร่งด่วน ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 28กค.2563 ระยะที่ 2 ดำเนินการระหว่าง 29กค.2563-28กค.2565 ปลูกป่าชายเลนจำนวน 20,000ไร่ เฉพาะพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 2,890 ไร่ และระยะที่ 3 ดำเนินการระหว่าง28กค.2565-28กค.2570 ปลูกและฟื้นฟูป่าชายเลน จำนวน 133,290ไร่ ท้องที่ 23จังหวัด
กรม ทช.ได้เลือกพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราชเป็นพื้นที่ปลูกป่าชายเลน เพื่ออนุรักษ์ที่ยั่งยืน โดย จ.นครศรีธรรมราชถือว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับคนในท้องถิ่นและเป็นเมืองที่น่ามาเยือนสำหรับคนต่างถิ่น
ประกาศไตปลา
ซึ่งแปลงปลูกป่าของโครงการดังกล่าวจะกลายเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้านป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ ภายหลังจากโครงการนี้สำเร็จแล้ว พื้นที่ป่าชายเลนจะกลายเป็นที่อยู่อาศัย แหล่งหลบภีย และเป็นแหล่งอนุบาลของสัตว์น้ำ รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของชาวนครศรีธรรมราชอีกด้วย รวมทั้งได้กระตุ้นให้ประชาชนในพื้นที่ได้ช่วยกันดูแล ปกป้อง และรักษาป่าชายเลนเหล่านี้ให้คงความอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งฝึกอบรมให้ จนท.และประชาชนในพื้นที่ได้เรียนรู้ถึงกระบวนการป้องกันและดับไฟป่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น เพื่อลดปัญหาที่ร้ายแรงจากสถานการณ์ดังกล่าวอันก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทรัพยากรป่าชายเลนต่อไป.