นครศรีธรรมราช สั่งปิดชั่วคราว 3 หมู่บ้านของอำเภอร่อนพิบูลย์

นครศรีธรรมราช สั่งปิดชั่วคราว 3 หมู่บ้านของอำเภอร่อนพิบูลย์ พร้อมขอความร่วมมืองดออกนอกเคหสถานเวลา 21.00-04.00 น. ตั้งแต่ 30 เม.ย.- 6 พ.ค.64 เพื่อความสะดวกในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

วันนี้(30 เม.ย.64) นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า คณะกรรมกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีมติเห็นชอบให้อำเภอร่อนพิบูลย์สั่งปิดหมู่บ้านเป็นการชั่วคราว 3 หมู่บ้าน ประกอบด้วย หมู่ที่ 4 บ้านวังงู ต.เสาธง หมู่ที่ 4 บ้านปลายสระ ต.ควนพัง และหมู่ที่ 5 บ้านกลอง ต.ควนพัง ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน- 6 พฤษภาคม 2564 พร้อมทั้งขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนงดออกนอกเคหสถานในช่วงเวลา 21.00-04.00 น. ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน- 6 พฤษภาคม 2564 เพื่อความสะดวกในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การค้นหาและการคัดกรอผู้ป่วยในพื้นที่ซึ่งมีความจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า สาเหตุของการสั่งปิดหมู่บ้านเป็นการชั่วคราว เนื่องจากในพื้นที่อำเภอร่อนพิบูลย์มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นวงกว้าง ซึ่งมีหมู่บ้านที่พบผู้เป็น มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็น และมีผู้สัมผัสโรคไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนครัวเรือน ตามคำสั่งจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ 1409 /2564 ลงวันที่ 28 เมษายน 2564 ซึ่งนายอำเภอสามารถสั่งปิดหมู่บ้านเป็นการชั่วคราวได้ไม่เกิน 7 วัน ภายใต้ความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ผู้เข้า-ออกหมู่บ้านต้องลงทะเบียนด้วย

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวด้วยว่า วันนี้(30 เม.ย.64) จังหวัดนครศรีธรรมราช พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นจำนวน 46 คน โดย 30 คนอยู่ในพื้นที่อำเภอร่อนพิบูลย์ ทำให้อำเภอร่อนพิบูลย์มีผู้ป่วยสะสม 38 คน ซึ่งก่อนหน้านี้พบการติดเชื้อจากงานบวช และมีการลักลอบเล่นการพนันในพื้นที่ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำความผิดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปแล้ว จากเหตุดังกล่าวทำให้มีผู้ติดเชื้อใน อ.ร่อนพิบูลย์และขยายไปอำเภอข้างเคียง เช่น อ.ปากพนัง เฉลิมพระเกียรติ ทุ่งสง ชะอวด เป็นต้น อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ตรวจคัดกรองเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงในเหตุการณ์นี้ของร่อนพิบูลย์ไปแล้ว 789 ราย อ่านผลตรวจแล้วประมาณ 100 ราย พบผู้ติดเชื้อ 5 ราย รอผลตรวจอีกเกือบ 700 ราย อย่างไรก็ตามคาดว่าใช้เวลา 3 วันในค้นหาเชิงรุก สอบสวนโรคเพื่อนำผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง คุมไว้สังเกตอาการ แยกกัก หรือกักกันแล้วแต่กรณี พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนได้ปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคอย่างเคร่งครัดด้วย โดยเฉพาะเมื่อออกจากเคหสถานต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตามกฎหมาย../////////