เย็นวันนี้ (3 พ.ย.65) ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยนางพิชานันท์ เผือกผ่อง เข้าร่วมในพิธีอัญเชิญองค์ศิวลึงค์คืนสู่นครศรีธรรมราช โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และ อ.ภูมิ จีระเดชวงค์และคณะ รวมถึงผู้ที่มีความเลื่อมใสศรัทธาเข้าร่วมในพิธี
สำหรับองค์ศิวลึงค์ที่ได้อัญเชิญกลับคืนสู่นครศรีธรรมราชนั้น เชื่อว่าเป็นศิวลึงค์องค์สำคัญ ซึ่งมีขนาดใหญ่ ความสูง 198 ซม. กว้าง 30 ซม. มีน้ำหนักโดยประมาณถึง 385 กิโลกรัม เป็นศิวลึงค์โบราณ อายุกว่า 1,300 ปี แกะสลักจากหินทราย ที่มีสภาพสมบูรณ์ โดยคาดว่าถูกเคลื่อนย้ายไปจากจังหวัดนครศรีธรรมราชในปี พ.ศ. 2524 เพื่อนำออกไปนอกประเทศ แต่ไม่สามารถเลื่อนย้ายออกไปนอกประเทศได้ ด้วยสาเหตุผู้ที่นำไปนั้นได้เสียชีวิตลง และได้มีการนำศิวลึงค์องค์ดังกล่าว มาถวายแก่พระครูโสภณประชานุกูล (จรัล อิทธิมนฺโต) เจ้าอาวาสวัดนารายณิการาม ต.เหล อ.กะปง จ.พังงา ซึ่งได้ดูแลเก็บรักษาองค์ศิวลึงค์ไว้เพื่อรอการตรวจสอบและหาที่มา และในปี พ.ศ. 2557 ทางกรมศิลปกรได้เข้าทำการสำรวจ ตรวจสอบจนแน่นชัดว่าเป็นของแท้ จึงได้ลงในประกาศราชกิจจานุเบกษาและขึ้นทะเบียนศิวลึงค์ดังกล่าวเป็นโบราณวัตถุเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2557 หลังจากนั้นได้มีการประสานงานไปตามระเบียบ ขั้นตอนเพื่อทำการส่งมอบศิวลึงค์ดังกล่าวคืนสู่จังหวัดนครศรีธรรมราช
ทั้งนี้จากขนาดและน้ำหนักของศิวลึงค์แห่งนครศรีธรรมราช (ตามพรลิงค์) เป็นศิวลึงค์ที่มีขนาดใหญ่กว่าทุกๆศิวลึงค์ ที่มีการค้นพบในจังหวัดนครศรีธรรมราช สันนิษฐานว่าเป็นศิวลึงค์องค์สำคัญยิ่งและมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพสักการะขอพรต่างๆ ของประชาชนในยุคนั้น อาจเป็นศิวลึงค์องค์ประธานในเทวาลัยขนาดใหญ่หรือเป็นศิวลึงค์ประจำอาณาจักรตามพรลิงค์ ในยุคพุทธศตวรรษที่ 12-15 เป็นช่วงที่ศาสนาพราหมณ์ได้เจริญรุ่งเรือง
โดยในวันนี้(3 พ.ย.65) ได้มีการเคลื่อนย้ายศิวลึงค์จากจังหวัดพังงาเพื่อกลับมาสู่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเบื้องต้นทางจังหวัดนครศรีธรรมราช จะได้จัดเก็บไว้ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และจะทำการเคลื่อนย้ายอีกครั้งในวันที่ 3 ธันวาคม 2565 เพื่อไปจัดเก็บ ณ โบสถ์พราหมณ์ หอพระอิศวร เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เข้าสักการะกราบไหว้บูชาต่อไป