นครศรีธรรมราช ชาวบางจากอิ่มบุญสร้างความดีปลื้มกฐินสามัคคี กฐินชลมารค หนึ่งเดียว ล่องเรือ กว่า 50 ลำ สืบสานประเพณีชาวลุ่มน้ำ

นครศรีธรรมราช ชาวบางจากอิ่มบุญสร้างความดีปลื้มกฐินสามัคคี กฐินชลมารค หนึ่งเดียว ล่องเรือ กว่า 50 ลำ สืบสานประเพณีชาวลุ่มน้ำ

วันนี้(10 พ.ย.67) ที่วัดธาราวดี ตำบลบางจาก อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช นายชวกิจจ์ สุวรรณคีรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานในพิธีทอดผ้ากฐินทางน้ำ โดยมีพระครูปริยัติธารารักษ์ เจ้าอาวาสวัดธาราวดี เจ้าคณะตำบลบางจาก เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมกันนี้มีพุทธบริษัท พุทธศาสนิกชนและประชาชนในพื้นที่และใกล้เคียงเดินทางมาร่วมงานบุญเป็นจำนวนมาก

ซึ่งในปีนี้จัดใหญ่กว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา มีขบวนเรือกว่า 50 ลำ เข้าร่วมในงานกฐินชลมารค ถือเป็นการแห่ผ้ากฐินทางน้ำแห่งเดียวในภาคใต้ ก็เป็นได้ นับเป็นประเพณีอันทรงคุณค่าที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชุมชนริมน้ำที่มีความผูกพันกับสายน้ำ และพระพุทธศาสนา ความผูกพันระหว่างคนกับสายน้ำ วัฒนธรรมไทยในวิถีชลมารค ชีวิต เรือ ภูมิปัญญา โดยชาวบ้านจะนำพุ่มกฐินขึ้นเรือหางยาว เรือแจว แห่ไปตามคุ้งน้ำ เพื่อสร้างความรัก และความสามัคคี ของคนในชุมชน นับว่าหาดูได้ยาก ขบวนเรือกฐินได้แล่นผ่านสายน้ำ นำพาผ้าไตรจีวรและเครื่องกฐิน จากศรัทธาสาธุชนมาทางน้ำ สร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก เป็นประเพณีที่เราควรอนุรักษ์กันไว้ ไม่ใช่เป็นเรื่องของคนๆเดียวแต่เป็นเรื่องของจังหวัดและประเทศด้วย

สำหรับวัดธาราวดี เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 5 ตำบลบางจาก อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ปัจจุบันมีพระจำพรรษา 8 รูป ความเลื่อมใสศรัทธาของวัดธาราวดี สืบเนื่องจากการสืบทอดภูมิปัญญารักษากระดูกและเส้นเอ็นจากพ่อท่านจบ อดีตเจ้าอาวาสวัดธาราวดี ซึ่งท่านได้ศึกษาเกี่ยวกับการรักษาโรคที่เกี่ยวกับกระดูก และเส้นเอ็นโดยใช้น้ำมันผสมสมุนไพรและเสกพุทธคุณ จึงทำให้วัดธาราวดีเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในนามวัดพ่อท่านจบรักษากระดูก ในวัดมีเรือนพักผู้ป่วยสำหรับผู้ที่ต้องนอนพักรักษาหลายวัน(ขึ้นอยู่กับอาการของโรค) โดยทางวัดไม่ได้เรียกร้องค่ารักษาค่าที่พักใดๆ


โดยพระครูธรรมธราธิคุณ (บรรจบ ฐิตญาโณ) เดิมชื่อ บรรจบ นามสกุล วิเศษธาร เกิดเมื่อวันพุธ ที่ 24 กรกฎาคม 2461 ตรงกับแรม 8 ค่ำ เดือน 8 ท่านได้บรรพชาและอุปสมบท ณ วัดธาราวดี เมื่อปี พ.ศ. 2482 ท่านได้รับฉายา ฐิตญาโณ โดยมีพระศรีธรรมราชมุณีเป็นพระอุปัชฌาย์ จบนักธรรมชั้นเอก พ.ศ. 2484 เมื่ออายุได้ 22 ปี และได้จำพรรษาที่วัดราวดีตลอดมา สนใจภูมิปัญญาชาวบ้าน การต่อกระดูกโบราณ จึงศึกษาด้วยตนเอง แล้วเริ่มทดลองรักษาผลปรากฎว่าได้ผลดี สมณศักดิ์พ่อท่านจบได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูธรรมธราธิคุณ ท่านได้ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านดูแลรักษาพยาบาลแก่บุคคลต่างๆ ร่วม 50 ปี จนเป็นที่ยกย่องกันว่าเป็นหมอใจบุญ รักษาผู้ป่วยเกี่ยวกับอาการผิดปกติของกระดูกโดยการใช้น้ำมันผสมกับสมุนไพรและบทสวดพุทธคุณ สามารถช่วยผู้ป่วย ที่เป็นโรคเกี่ยวกับกระดูก ให้หายไม่น้อยกว่าแปดหมื่นคน

Loading