บิ๊กป้อมบุกเมืองคอนกราบศาลหลักเมืองก่อนขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่คนแห่ร่วมกว่า 2 หมื่นคน -ยืนยันพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีก้าวข้ามทุกความขัดแย้ง-คนวิพากวิจารณ์กว้างขวางกรณีจุดประทัดถวายหลักเมืองหางประทัดโดนไฟเผาไหม้ไร้เลขเสี่ยงโชค-ชี้พรรคพลังประชารัฐจะชนะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือพ่ายแพ้เกลี้ยงไม่เหลือ
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 29 เม.ย. 2566 พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ตร.สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมืองพรรคพลังประชารัฐ นาย วิรัช รัตนเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางไปกราบนมัสการศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช โดยมี รศ.ตร.รงค์ บุญสวยขวัญ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 1 จ.นครศรีธรรมราช และผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราชทั้ง 10 เขต ใหการต้อนรับ
โดยอาจารย์เอกราช ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช เป็นพราหมณ์ผู้ประกอบพิธีสักการะศาลหลักเมืองอย่างเต็มรูปแบบ โดยการเขียนชื่อพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หมายเลข 37 และแกนนำพรรคพร้อมคณะรวมทั้งชื่อและหมายเลขประจำตัวของผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช ทั้ง 10 คน ลงในป้ายผ้าสีขาว ก่อนจะนำหลังอาจารย์เอกราช นำคณะกล่าวคำถวายและบนบานศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ให้พรรคพลังประชารัฐ ชนะการเบือกตั้งเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประวิตร ได้นำบลายศรี 9 ยอดถถวายศาลหลักเมืองพร้อมนำป้ายผ้าดังกล่าวไปโอบห่มเสาหลักเมือง
จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้เดินไปดานหลังศาลหลักเมืองมอบประทัด 1 ชุด 3,000 นัดให้เจ้าหน้าที่จุดถวายหลักเมืองนครศรีธรรมราช ท่ามกลางการรอคอยของผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่ต้องการดูเลขหางประทัดที่ พล.อ.ประวิตร จุดถวายศาลหลักเมือง แต่ปรากฏว่าหางประทัดถูกไฟเผาไหม้เหลือเศษที่เป็นภาษาจีนแค่นิดเดียว จึงไม่ทราบว่าเลขห่างประทัดเป็นเลขอะไร ท่ามกลางเสียงวิพากวิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าการจุดประทัดดังกล่าวเป็นลางบอกเหตุบางอย่างในทางการเมือง หลังการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. นี้หรือไม่ เช่น การที่หางประทัดถูกไฟเผาไหม้จนหมดน่าจะหมายถึงผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับการเลือกตั้งหมดเกลี้ยงทุกเขตและพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลอย่างแน่นอน แต่มีคนที่เห็นต่างมองว่าผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐพ่ายแพ้การเลือกตั้งเกลี้ยงทุกเขต และพรรคพลังประชารัฐจะไม่ได้เป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้