แม่ค้าสาวเมืองคอนควบเก๋งวูบกะทันหันรถเสียหลักกินเลนก่อนพุ่งชนเชิงสะพานพลัดตกคูริมถนนดับอนาถ-เผย“นายกเอ ท่าศาลา”พร้อมคณะประสบเหตุลงช่วยเหลือทำ CPR ก่อนส่ง รพ.แต่ยื้อไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 18 ส.ค.2563 ร.ต.ท.พุฒตาล เปลี่ยนเภท รอง สว.(สอบสวน) สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งจาก รพ.ท่าศาลา ว่ามีคนประสบอุบัติเหตุรถชนราวสะพานในพื้นที่ อ.ท่าศาลา ได้เสียชีวิตที่ห้องไอซียู จึงพร้อมด้วยจนท.หน่วยกู้ภัยและแพทย์เวร รพ.ท่าศาลาไปทำการชันสูตรพลิกศพและสอบสวน
ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ น ส.อาภรณ์ โต๊ะเกม อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 289/2 หมู่ 5 ต.โพธิ์ทอง อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช สภาพศพแขนขาหัก ศีรษะแตก ในเบื้องต้นทราบว่าผู้ตายประสบอุบัติเหตุขับรถยนต์เก๋งโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กต 1475 นศ เสียหลักชนสะพานมะยิง ถนนสายอู่ตะเภา-สนามบิน หมู่ 6 ต.โพธ์ทอง อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เหตุกิดเมื่อเวลาประมาณ บ่ายวันเดียวกันนี้
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าก่อนเกิดเหตุ น.ส.อาภรณ์ ผู้ตาย ซึ่งประกอบอาชีพค้าขาย ได้ขับรถยนต์เก๋งคันดังกล่าวมาจากทางท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช มุ่งหน้าไปทาง อ.ท่าศาลา เมื่อมาถึงหน้าสถานีวิทยุโมคลาน เรดิโอ FM 95.00 MHz รถเก๋งเสียหลักเหมือนไม่มีคนขับพุ่งออกไปทางเลนซ้ายเป็นระยะทางยาวเกือบ 200 เมตรจนหวิดเกือบจะเฉี่ยวชนกับรถยนต์และรถ จยย.ที่วิ่งสวนทางทมาหลายคัน ก่อนจะพุ่งชนคอสะพานบ้านมะยิงทางขวามืออย่างจังจนรถกระเด็นตกลงไปในคูถนนลึกเกือบ 5 เมตร และ น.ส.อาภรณ์ ได้รับบาดเจ็บสาหัสติดคาซากรถเก๋ง
โดยในช่วงที่เกิดเหตุได้มีคณะของนายอภินันท์ เชาวลิต หรือ “นายกเอท่าศาลา” นายก อบต.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช พร้อมคณะกำลังเดินทางไปร่วมงานฌาปนกิจศพในพื้นที่ตำบลดอนตะโก อ.ท่าศาลา มาประสบเหตุพอดี นายอภินันท์ จึงสั่งให้หยุดรถและลงไปช่วยเหลือนำคนเจ็บในรถ น.ส.อาภรณ์ ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสออกมาจากรถอย่างทุลักทุเลและช่วยกันทำ CPR ช่วยชีวิตเบื้องต้นก่อนแจ้งรถกู้ภัย-หน่วยกู้ชีพมารับตัวนำส่ง รพ.ท่าศาลา ซึ่งแพทย์ระดมกำลังช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถแต่ น.ส.อาภรณ์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวสิ้นใจตายในเวลาต่อมาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าในขณะที่ขับรถ น.ส.อาภรณ์ ผู้ตายอาจจะวูบหลับอย่างกระทันหันในทำให้รถสูญเสียการบังคับจึงพุ่งออกไปทางเลนขวามือก่อนจะชนอัดเชิงสะพานมะยิงอย่างจังเป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แน่ชัดอีกครั้งหนึ่ง.
