วอนยื่นมือช่วย “น้องกฤษฏิ์” นักเรียน ม.6 อัจฉริยะเมืองคอนฐานะยากจนแต่อยากเรียนแพทย์ – เกรดเฉลี่ย 3.98 เตรียมยื่นสมัคร TCAS 63 รอบ 1 Portfolio คณะแพทย์ศาสตร์ ม.วลัยลักษณ์ (มวล.)หรือ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.)-แม่เป็นช่างเสริมสวยประกาศสู้เพื่อลูก 2 คนโดยลูกสาวคนเล็กก็เก่งไม่แพ้กันเกรดเฉลี่ย 3.84
(15 พ.ย.) ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากครอบครัวของนักเรียนครอบครัวหนึ่งที่มีมันสมองระดับอัจฉริยะมีเกรดเฉลี่ย 3.98 อยากเรียนต่อคณะแพทย์ศาสตร์แต่ฐานะค้อนข้างยากจน ครอบครัวแตกแยกพ่อกับแม่แยกทางกันโดยลูก 2 คนอาศัยอยู่กับแม่คนโต เป็นผู้ชายอายุ 18 ปี เรียนชั้น ม.6 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.นครศรีธรรมราช ส่วนน้องสาวอายุ 15 ปี เรียนขั้น ม.3 โรงเรียนเดียวกันเกรดเฉลี่ยในเทอมที่ผ่านมา 3.84 ซึ่งแม่ประกอบอาชีพเป็นช่างเสริมสวยมีรายได้ค่อนข้างน้อยแต่สู้ชีวิตเพื่ออนาคตของลูกทั้ง 2 คน จึงเดินทางไปที่ร้านเสริมสวย “นัน”เลขที่ 26 ถนนมุมป้อม (กำแพงเมืองเก่า) ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พบนางนันทวดี รัตนบัณฑิต อายุ 50 ปี กำลังตัดผมและดัดผมให้กับลูกค้า เมื่อทราบความประสงค์ของสื่อมวลชนนางนันทวดี จึงเรียกนายกฤษฏิ์ รัตนบัณฑิต หรือ “น้องกฤษฏิ์” อายุ 18 ปี ลูกชายมาพบและต้อนรับสื่อมวลชน
นายกฤษฏิ์ หรือ “น้องกฤษฏิ์” เปิดเผยว่า แม่กับพ่อแยกทางกันผมและน้องสาวอาศัยอยู่กับแม่ ในปัจจุบันครอบครัวเราอยู่กัน 4 คน มีแม่ ผม น้องสาว และคุณยาย อายุ 80 ปี ผมสงสารแม่มากเพราะแม่เป็นช่างเสริมสวยทำงานเงินอยู่เพียงคนเดียวรายได้ไม่ค่อยเพียงพอกับค่าใช้จ่าย โดยผมกับ น.ส.กวิสรา รัตนบัณฑิต หรือ “น้องแก้ม “อายุ 15 ปี น้องสาวเรียนอยู่โรงเรียนเบญจมราขูทิศ จ.นครศรีธรรมราช ผมเรียน ม. 6 น้องแก้มเรียนอยู่ชั้น ม.3 เราสองคนพี่น้องรู้ดีว่าในวัยเรียนสิ่งสำคัญที่สุดที่จะต้องทำคือตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ กลับจากโรงเรียนหรือวันหยุดก็จะช่วยแม่ทำงานทุกอย่างเท่าที่จะช่วยได้ โดยเฉพาะน้องแก้ม จะช่วยแม่ให้บริการลูกค้าที่มีอุดหนุนในร้านเสริมสวยของแม่
“ในตอนเช้าแม่จะตื่นขึ้นมาหุงหาอาหารให้ผมกับน้องสาวกินก่อนไปโรงเรียน และแม่จะห่อข้าว หรือที่ปักษ์ใต้เรียกว่า “คดห่อ”ไปกินเป็นอาหารกลางวันที่โรงเรียน จากนั้นจะขับรถ จยย.ไปส่งผมและน้องแก้มที่คิวรถโดยสารหลังสนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราช แต่บางวันหากแม่ติดธุระผมกับน้องสาวจะเดินไปที่คิวรถโดยสาร ระยะทาง 1 กม.เศษ แม่ให้เงินผมไปโรงเรียนเป็นอาทิตย์ ๆ ละ 200 บาทโดยส่วนใหญ่จะใช้จ่ายเป็นค่ารถโดยสารไปกลับ ผมสงสารและรักมากมากที่สุดครับ”
“น้องกฤษฏิ์” เปิดเผยอีกว่า “ตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษา ผมชอบและไฝ่ฝันการเป็นแพทย์หรือคุณหมอเป็นอย่างมากเพราะได้ช่วยดูแลรักษาคนเจ็บป่วย ผมจึงตั้งใจศึกษาเรียนรู้ในเรื่องแพทย์อย่างจริงจังและมีผลการเรียนเกรดเฉลี่ยเต็มหรือเก็บเต็ม 4 มาตลอด โดยจะสมัครเข้าร่วมโครงการหรือกิจกรรมวิชาการคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือที่เกี่ยวข้องกับวิชาแพทย์ เข้าสอบแข่งขันทางวิชาการ เข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการมาตลอด ได้รับรางวัลและสะสมเป็นแฟ้มผลงานทางวิชาการเอาไว้จำนวนมาก ในอาทิตย์หน้าซึ่งอยู่ในช่วงปิดเทอมผมได้สมัครไปฝึกงานหาประสบการณ์ที่ศูนย์อนามัยเขต 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช ต่อด้วยเข้าค่าย “เปิดบ้านหมอ ม.วลัยลักษณ์”ระหว่างวันที่ 20-22 พ.ย. 2563 ต่อด้วยเดินทางไปแข่งขันทางวิชาการระดับชาติที่ จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 4-9 ธ.ค. 2563 โดยในรายการหลังนี้หากใครได้เหรียญทอง เหรียญเงิน จะสามารถนำไปใช้สมัครเข้าเรียนต่อคณะแพทย์ศาสตร์ที่ รพ.ศิริราชได้ โดยส่วนตัวผมอยากเรียนแพทย์ที่ ม.วลัยลักษณ์ หรือ มอ.สงขลา เพราะไม่ไกลจากบ้านมากนัก และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ น้อยกว่าการไปเรียนที่ไกล ๆ ที่สำคัญสามารถกลับมาเยี่ยมบ้านได้สะดวกในช่วงวันหยุด”
สำหรับการเจ้าเรียนแพทย์หลังจบ ม.6 นั้นมีโอกาสหลายรอบ แต่ผมจะยื่นสมัคร TCAS 64 รอบ 1 ยืน “Portfolio” คือการยื่นแฟ้มสะสมโดยไม่ต้องสวมข้อเขียน ผมจะยื่นแฟ้มสะสมผลงานให้ ม.วลัยลักษณ์ หรือ มอ. เพื่อให้คณะกรรมการของแต่ละมหาวิทยาลัยพิจารณาตัดสินใจเลือก ซึ่งผมมั่นใจว่าผลการเรียนและผลงานที่สะสมในแฟ้มของผมจะผ่านการพิจารณาอย่างแน่นอน แต่หากไม่ผ่านก็จะเป็นช่วงการสอบรอบ 2,3 และ รอบ 4 และผมมั่นใจว่าผมจะสอบผ่านอย่างไม่ยากนัก แต่ก็ไม่ประมาทในขณะนี้พยายามศึกษาและเข้าคอร์สติวความรู้ทางวิชาการที่จะสอบเข้าคณะแพทย์ศาสตร์อย่างต่อเนื่อง ผมจะต้องเรียนแพทย์ จบแพทย์เป็นคุณหมอรักษาผู้ป่วยให้จนได้
หลังจากนางนันทวดี รัตนบัณฑิต ว่างจากการให้บริการลูกค้าเสริมสวย ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนโชคดีที่อาศัยอยู่ท่ามกลางญาติพี่น้อง ที่จะคอยดูแลช่วยเหฟลือเกื้อกูลกันมาตลอด บ้านที่อยู่อาศัยและเปิดเป็นร้านเสริมสวยก็เป็นบ้านพี่สาวที่ให้อยู่อาศัยโดยไม่คิดค่าเช่าใด ๆ ส่วนอาชีพช่างเสริมสวยของตนมีรายได้ไม่แน่นอน ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ลูก ๆ และเมียก็ไม่เคยอดยาก แต่หนักใจอยู่ไม่น้อยหาก“น้องกฤษฏิ์” เข้าเรียนแพทย์และน้องแก้ม ลูกสาวคนเล็กก็ต้องเรียนในระดับที่สูงขึ้น อีก 3 ปีทั้งสองก็คงอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย หนักมากแต่ตนมีกำลังใจที่ดี และภาคภูมิใจที่ลูกทั้งสองเป็นเด็กดี ตั้งใจและขยันเรียนมีผลการเรียนดีเยี่ยมมาตลอด ไม่เกเร ไม่เที่ยวเตร่ ตนจะต่อสู้ทุกวิถีทางเพื่อลูกทั้ง 2 คนให้ได้เรียนตามที่ลูกตั้งใจ ไฝ่ฝัน แต่หากมีผู้ใจดี ใจบุญยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเรื่องทุนการศึกษาของลูกทั้งสอง โดยเฉพาะ “น้องฤกษ์ฏิ์”ที่เขาตั้งใจจะเรียนแพทย์ศาสตร์ ม.วลัยลักษณ์ ซึ่งอยู่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ไม่ไกลจากบ้านมากนัก
ในขณะที่ “น้องแก้ม”ที่ว่างจากการช่วยแม่เสริมสวยให้ลูกค้า กล่าวเสริมว่า หนูเรียนไม่เก่งเหมือนพี่กฤษฏิ์ เพราะมีเกรดเฉลี่ยเทอมล่าสุดแค่ 3.84 และหนูจะๆไม่เรียนหมอเหมือนพี่กฤษฏิ์ แต่หนูจะเรียนทางด้านคุณครู หนูอยากเป็นครูสอนเด็ก ๆ และเยาวชน ให้เติบโตเป็นคนดี มีคุณภาพในสังคมไทย น้องแก้มกล่าวสั้น ๆ ในเบื้องต้นนายไพฑูรย์ อินทศิลา ได้มอบเงินช่วยเหลือเป็นทุนการศึกษาให้น้องกฤษฏิ์ จำนวน 3,000 บาท และหากผู้ใหญ่ใจดี ใจบุญจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเป็นทุนการศึกษาให้กับน้องกฤษฏิ์ ,น้องแก้ม ติดต่อศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช โทร.081-6761299 หรือโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ชื่อบัญชีนายกฤษฏิ์ รัตนบัณฑิต เลขบัญชี 801-3-12591-2.