สภาทนายความภาค8 กระโดดช่วยเหลือประชาชนที่ถูกฟ้องเรียกเงินคืนผู้สูงอายุคืน เปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสู้คดีให้เต็มที่
เมื่อเวลา 11.00น.วันที่ 29มค.2564 ที่สำนักงานสภาทนายความประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ถนนโรงช้าง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นายลือชา เปี่ยมสุวรรณ กก.บริหารสภาทนายความภาค8 พร้อมด้วยคณะกรรมการสภาทนายความจ.นครศรีธรรมราช ได้แถลงข่าวจากผลการประชุมสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์เมื่อเร็วๆนี้ ได้มีมติให้สภาทนายความทั้ง9ภาคทั่วประเทศออกมาให้ช่วยเหลือประชาชนที่ถูกเรียกคืนเงินผู้สูงอายุจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆอ้างว่ารับเงินซ้ำซ้อนนั้น เนื่องจากสภาทนายความเห็นว่าประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเรื่องดังกล่าว
ซึ่งทางสภาทนายความฯก็ได้จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อศึกษาข้อมูลดังกล่าวและไปค้นปัญหาข้อกฎหมายมาเพื่อที่จะช่วยเหลือประชาชน ซึ่งจากการไปค้นหากฎหมายมาก็ปรากฏว่ามีคำพิพากษาของศาลฎีกายกฟ้องนะครับในกรณีดังกล่าวในกร๊ที่เรียกเงินดังกล่าวคืนจากประชาชน
โดยศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาที่ 10850/2559 ระหว่างกรมสรรพสามิต โจทก์ นส.เสาวภา เชยสุวรรณ์ จำเลย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 406,412 จำเลยไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ ตามกฎหมาย แต่โจทก์จ่ายเงินดังกล่าวให้จำเลยไปโดยหลงผิด จึงเป็นเงินที่จำเลยได้รับไว้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และทำให้โจทก์เสียเปรียบอันเป็นสาภมิควรได้ หาใช่เป็นเงินที่โจทก์มีสิทธิ์ติดตามเอาคืนได้อย่างเจ้าของทรัพย์สินไม่ และเมื่อได้ความว่าจำเลยได้รับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ ไว้โดยสุจริตและนำไปใช้จ่ายหมดแล้วก่อนที่โจทก์จะเรียกคืน จำเลยจึงไม่ต้องคืนเงินดังกล่าวแก่โจทก์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 412
นายลือชา กล่าวอีกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ทางสภาทนายความภาค8จึงขอให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเรื่องดังกล่าวขอให้มาพบกับจนท.สภาทนายความประจำจังหวัดของแต่ละจังหวัด เพื่อว่าความสู้คดีให้ฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น โดยเบื้องต้นทราบว่าในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราชและภาค8หลายจังหวัดมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนถูกเรียกคืนเงินจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่ง แต่ไม่กล้าออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ ก็ขอให้มาพบกับทนายความของเราเพื่อช่วยเหลือว่าความให้ฟรีต่อไป.