ตำรวจท่าศาลาคุมตัวหนุ่มใหญ่โชเฟอร์สองแถวไปทำแผนแอบพลอดรักกิ๊กสาวใหญ่จนช็อคหัวใจวายตายคาบ้านเช่าที่อยู่ติดกัน ก่อนหามศพใส่ท้ายเก๋งไปทิ้งในคูน้ำแล้วปลดทองรูปพรรณหนัก5บาท ดำเนินคดีตามหมายจับ3ข้อหาหนัก
กรณีคดี นส.วันดี ชำนาญพงศ์ อายุ 52ปี สาวใหญ่ชาว อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราชซึ่งเป็นเมียของช่างก่อสร้างวัย69ปีคนหนึ่งในพื้นที่ อ.ท่าศาลา นอนคว่ำหน้าตายพองอืดปริศนาอยู่ในคูน้ำข้างท่อระบายน้ำริมถนนทางเข้าหาดทรายแก้ว หมู่ 2 ต.ท่าขึ้น อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเที่ยง 2มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยจากการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นของตำรวจ สภ.ท่าศาลา และแพทย์เวร รพ.ท่าศาลา ระบุว่าสภาพศพพองอืดมาแล้ว2-3วัน ลิ้นจุกปาก แต่แปลกไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใดอย่างปริศนา ก่อนเจ้าหน้าที่นำศพ นส.วันดี ส่ง รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช เพื่อให้แพทย์นิติเวชทำการผ่าศพหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้งนั้น ซึ่งแพทย์นิติเวช รพ.มหาราชฯได้ระบุศพหลังผ่าชันสูตรไม่พบร่องรอยถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ท่ามกลางความกังขาของญาติและตำรวจว่าไปนอนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุได้อย่างไรจนล่าสุดสายวานนี้(5มิ.ย.)ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชได้อนุมัติออกหมายจับที่ 170/2564 ลงวันที่ 5 มิ.ย.64 จับคนร้ายในคดีนี้คือนายวิเชียรหรือบังโข้ย ชัยเภท อายุ 54ปี อาชีพขับรถสองแถวสายนครฯ-ท่าศาลา ซึ่งมีบ้านเช่าอยู่ติดกันบ้านเช่าของผู้ตาย บริเวณด้านหลังที่ว่าการอำเภอท่าศาลา ซึ่งทางตำรวจชุดสืบสวน สภ.ท่าศาลา ได้นำกำลังพร้อมหมายจับไปจับกุมนายวิเชียรหรือบังโข้ยได้คาบ้านเช่า และค้นในบ้านเจอหลักฐานสำคัญเป็นสร้อยข้อมือและสร้อยคอทองคำหนักรวม4บาท และเงินสดอีก1หมื่นบาทที่ได้จากการนำแหวนทองคำหนัก2สลึงของผู้ตายไปขายแล้วนำมาซุกซ่อนในห้องเช่า โดยนายวิเชียรหรือบังโข้ย ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อหาว่าแอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งจนฝ่ายหญิงช็อคตายก่อนนำศพไปทิ้งในที่เกิดเหตุแล้วปลดทองรูปพรรณหนัก5บาทมาเก็บไว้ที่บ้านเช่าจนถูกตำรวจจับได้ตามข่าว.
ล่าสุดวันนี้(6มิ.ย.) เวลา 14.00น. พ.ต.อ.อนันต์ หริกจันทร์ ผกก.สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.ต.ท.เกษมสิทธิ์ จำปาทอง รอง ผกก.สอบสวน,พ.ต.ท.ปิยะวัฒน์ สุพรรณพงศ์ รอง ผกก.(สส.) และตำรวจชุดสืบสวน สภ.ท่าศาลา ได้คุมตัวนายวิเชียรหรือบังโข้ย ชัยเภท อายุ54ปี ผู้ต้องหาจากห้องขังสภ.ท่าศาลา เดินทางไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ณ จุดเกิดเหตุจุดแรก ณ บ้านเช่าของ นส.วันดี ผู้ตายและบ้านเช่าของนายวิเชียรฯผู้ต้องหา ที่อยู่ติดกันบริเวณด้านหลังที่ว่าการอำเภอท่าศาลา โดยนายวิเชียร รับสารภาพว่าตนได้แอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้ตายที่มีบ้านเช่าติดกันมานานแล้วทั้งๆที่มีครอบครัวแล้วทั้งสองฝ่าย
ล่าสุดช่วงบ่าย(31พค.)ตนได้แอบเข้าทางหลังบ้านเช่าเข้าไปในห้องของ นส.วันดี และมีการพลอดรักกันแต่ไม่ทันได้ทำอะไรกัน นส.วันดีเกินมีอาการซ็อคตายเสียก่อน ทำให้ตนตกใจทำอะไรไม่ถูกกลัวถูกเมียของตนและสามีของผู้ตายจับได้ จึงวางแผนนำศพ นส.วันดี ขึ้นท้ายกระโปรงรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าซิตี้ สีเทา ทะเบียน ขก-1072 สุราษฎร์ธานี แล้วพาศพไปโยนทิ้งในคูน้ำริมถนนในหมู่บ้าน หมู่ 2 ต.ท่าขึ้น โดยทำการปลดเอาสร้อยคอทองคำหนัก2บาท 1เส้น,สร้อยข้อมือหนัก 2บาท1เส้นและแหวนทองคำหนัก2สลึง1วงจากตัวผู้ตายกลับมากบดานเงียบที่ห้องเช่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมนำแหวนทองคำหนัก2สลึงไปขายได้เงินมา1.3หมื่นบาท ใช้จ่ายไป3,000บาท เหลือ1หมื่นบาทแล้วนำเงินที่เหลือพร้อมทองรูปพรรณที่เหลืออีก4บาทมาใส่ถุงซ่อนในห้องเช่า และกำลังเตรียมวางแผนจะหลบหนีแต่มาถูกตำรวจบุกจับกุมได้เสียก่อนดังกล่าว
ซึ่งทางตำรวจได้คุมตัวนายวิเชียรฯผู้ต้องหาไปทำแผนชี้จุดที่เกิดเหตุในห้องเช่าของ นส.วันดี จนนส.วันดีซ็อคตาย และทำแผนจุดที่นายวิเชียรหามศพ นส.วันดีขึ้นใส่ท้ายกระโปรงรถเก๋งนำศพไปทิ้ง ณ จุดที่เกิดเหตุบริเวณคูน้ำริมถนนในหมู่บ้าน หมู่ 2 ต.ท่าขึ้น ท่ามกลางญาติๆและชาวบ้านจำนวนมากไปมุงดูการทำแผนด้วยความสนใจ จนทางตำรวจต้องกันผู้ไม่เกี่ยวข้องออกห่างจุดทำแผนเพื่อป้องกันการถูกประชาทัณฑ์ โดยใช้เวลาทำแผนทั้ง2จุดประมาณ 1ชม.ก่อนนำตัวผู้ต้องหากลับมายัง สภ.ท่าศาลา เพื่อเตรียมฝากขังในวันพรุ่งนี้(7มิ.ย.)ต่อไป
สำหรับประวัตินายวิเชียรหรือบังโข้ย ชัยเภท ผู้ต้องหารายนี้ เมื่อ8กพ.2558 เคยก่อคดีฆ่าชิงทรัพย์ทองรูปพรรณหนัก3บาทแม่บ้านร้านอาหารหมูกระทะในพื้นที่ อ.ท่าศาลา และนำศพไปโยนทิ้งริมถนนสายสนามบิน-อู่ตะเภา เขต อ.เมืองนครศรีธรรมราชและถูกตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราชเมื่อ12มีนาคม2558 แต่ผู้ต้องหาปฏิเสธ และสู้คดีจนหลุดคดีมาได้แล้วมายึดอาชีพขับรถสองแถวสายนครฯ-ท่าศาลา เหมือนเดิม และมาเช่าบ้านกับภรรยาคนหนึ่งติดกับบ้านเช่าของผู้ตายจนมาเกิดเหตุดังกล่าวล่าสุดและถูกตำรวจจับกุมได้ดังกล่าว และจากการสอบสวนปากคำญาติและแพทย์นิติเวช ทราบว่าปกติ นส.วันดีผู้ตายจะป่วยเป็นโรคหัวใจโตด้วย.