วันที่ 5 พ.ย.64 ที่บริเวณท่าเทียบเรือท่องเที่ยวทะเลสาบเขื่อนรัชชประภา หรือกุ้ยหลินเมืองไทย อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ได้เดินทางมาพบปะผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่ อ.พนม, อ.บ้านตาขุน และ อ.คีรีรัฐนิคม พร้อมปล่อยเรือนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในเขื่อน
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ทะเลสาบเขื่อนรัชชประภา ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สร้างรายได้ให้กับ จ.สุราษฎร์ธานี อีกแห่งหนึ่ง โดยในช่วงที่ผ่านมา จ.สุราษฎร์ธานี มีรายได้จากการท่องเที่ยวปีละกว่าแสนล้านบาท ร้อยละ 80 เป็นรายได้จากการท่องเที่ยวตามเกาะต่างๆ ของสุราษฎร์ธานี และอีก 20 เปอร์เซ็นต์เป็นรายได้ที่มาจาการท่องเที่ยวบนแผ่นดินใหญ่
และจากโครงการสมุยแซนด์บ็อกซ์ที่ผ่านมา สามารถทำรายได้กับจังหวัดแล้วประมาณ 200 ล้านบาท อย่างไรก็ตามสุราษฎร์ธานีถือว่าเป็นพื้นที่นำร่องของการท่องเที่ยวเป็น 1 ใน 4 ของภาคใต้ ประกอบด้วยภูเก็ต พังงา กระบี่ และสุราษฎร์ธานี แต่จำเพาะแต่เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า จึงทำให้เสียโอกาสที่จะรับนักท่องเที่ยวติดตรงที่สุราษฎร์ธานียังฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโควิดไม่ได้เกิน 70 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากร ซึ่งต่างกับ 3 จังหวัดดังกล่าว ที่มีประชากรน้อยกว่าสุราษฎร์ธานี
ดังนั้นจึงอยากที่จะให้สาธารณสุขจังหวัดเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และให้ทำหนังสือมายังกระทรวงสาธารณสุขและตนในฐานะรับมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ก็จะนำเสนอการฉีดวัคซีนไปยัง ศบค.เพื่อที่จะเปิดให้สุราษฎร์ธานีมีการท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ ที่จะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาได้ เพราะนั้นหมายถึงรายได้ที่จะเข้ามายังผู้ประกอบการพื้นที่หรือประชาชนต่อไป