“สมศักดิ์ เทพสุทิน” ลุยเมืองคอนเปิดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน ครั้งที่ 4 มูลค่าหนี้รวมกว่า 1,700 ล้านบาท


รมว.ยุติธรรม เปิดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน ครั้งที่ 4 และยุติธรรมพบประชาชน เชิญลูกหนี้ 3 จังหวัด 11,376 ราย รายรวมมูลค่าหนี้รวม 1,700 ล้านบาท เข้าไกล่เกลี่ยเพื่อลดปริมาณคดีขึ้นสู่ศาล พร้อมมอบเงินเยียวยาแก่ผู้เสียหายในคดีอาญากว่า 3 ล้านบาท

(1 เม.ย.) ที่โรงแรมทวินโลตัส อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน ครั้งที่ 4 จังหวัดนครศรีธรรมราช และยุติธรรมพบประชาชน โดยมีผู้ร่วมคณะประกอบด้วย นายธนวัชร นิติกาญจนา ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นางทัศนีย์ เปาอินทร์ อธิบดีกรมบังคับคดี พันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. ผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม และนายสมพงษ์ มากมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดนครศรีธรรมราช และประชาชนให้การต้อนรับและร่วมงาน ภายใต้การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยมีการตรวจหาเชื้อก่อนเข้างานทุกคน

สำหรับงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน ครั้งที่ 4 และยุติธรรมพบประชาชน เป็นโครงการเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และพื้นที่ใกล้เคียงโดยใช้กระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ลดปริมาณคดีขึ้นสู่ศาล และลดค่าใช้จ่ายของประชาชนกรณีกำลังจะถูกฟ้องร้องบังคับชำระหนี้ การเยียวยาผู้เสียหาย เหยื่อในคดีอาญา การช่วยเหลือประชาชนด้วยกองทุนยุติธรรม รวมทั้งเพื่อประชาสัมพันธ์ภารกิจของกระทรวงยุติธรรม ภายใต้แนวคิด “มีหนี้ต้องแก้ไข รุกก้าวไปอย่างยั่งยืน”
นายสมพงษ์ มากมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่าวันนี้เป็นโอกาสดีที่กระทรวงยุติธรรม ได้มาร่วมแก้ปัญหาให้ชาวนครศรีธรรมราช จากผลกระทบจากหนี้สิน ซึ่งที่ผ่านมา จังหวัดนครศรีธรรมราช พบปัญหาจากโควิด-19 รวมทั้งปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ และยังมาช่วยเยียวยาผู้เสียหายจากคดีอาญา ตนขอฝากขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ดำเนินนโยบายดีๆ ในการช่วยเหลือชาวบ้าน

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เหตุผลที่เลือกจังหวัดนครศรีธรรมราช ในการจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สิน ครั้งที่ 4 เพราะมีพี่น้องประชาชนใน จังหวัดนครศรีธรรมราช กระบี่ และจังหวัดตรัง ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของการไกล่เกลี้ยหนี้สิน 11,376 ราย แบ่งเป็น ผู้เป็นลูกหนี้ก่อนฟ้อง 8,857 ราย มูลค่าหนี้ 809 ล้านบาท และผู้เป็นลูกหนี้หลังฟ้อง 2,519 ราย มูลค่าหนี้ 916 ล้านบาทเศษ รวมมูลค่าหนี้รวม 1,700 ล้านบาท โดยเข้าใจว่าเวลานี้พี่น้องชาวปักษ์ใต้ได้รับความเดือดร้อนในหลายด้าน จนทำให้เกิดภาระหนี้สิน ตนในฐานะตัวแทนของรัฐบาลที่เดินทางมา ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่เคยทอดทิ้ง เรารู้รับทราบปัญหา เช่น การปลูกยางพารา การปลูกปาล์ม ที่เกิดภาวะควบคุมราคาไม่ได้ ช่วงราคาดีก็มีกำไร ช่วงไหนไม่ดีก็น้ำตาแทบไหล ส่วนการประมงวันนี้ แม้หาวัตถุดิบได้มาก แต่การส่งออกไม่กระเตื้อง ทุกอย่างล้วนเกิดจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อน แต่วันนี้ การเดินทางมาเปิดงานมหกรรม ก็หวังว่าประชาชนจะได้ประโยชน์สูงสุด และพอบรรเทาความเดือดร้อนได้บ้าง การจัดกิจกรรมครั้งนี้ให้ความสำคัญต่อการช่วยเหลือประชาชนทุกภาคส่วน

“โดยเฉพาะการแก้ปัญหาหนี้ กยศ. , หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลและหนี้เช่าซื้อรถยนต์ (ลิสซิ่ง) โดยได้มีการเชิญลูกหนี้ ซึ่งเป็นลูกหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในชั้นก่อนฟ้อง และหลังศาลมีคำพิพากษาเข้าร่วม ทั้งลูกหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และลูกหนี้สถาบันการเงิน และมีกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) รวมทั้งสถาบันการเงินต่างๆ เข้าร่วมอีก 8 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) บริษัท เคบี เจ แคปปิตอล จำกัด บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจ จำกัด ธนาคารกรุงเทพ จํากัด ธนาคารออมสิน บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด บริษัทโตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยลูกหนี้ ที่เข้าร่วมงานมหกรรมไกล่เกลี่ยในครั้งนี้จะได้รับสิทธิประโยชน์ในเบื้องต้น คือการขยายเวลาการชำระหนี้ ,การลดเบี้ยปรับ การลดดอกเบี้ย การลดค่างวดรายเดือน ,ไม่ถูกฟ้องคดี ,งดยึดทรัพย์ งดขายทอดตลาด เป็นต้น ทั้งนี้ในส่วนของขั้นตอนการไกล่เกลี่ยนั้น จะมีผู้ไกล่เกลี่ยเป็นคนกลาง และมีการจัดทำบันทึกข้อตกลงการไกล่เกลี่ยเป็นลายลักษณ์อักษร”

หลังจากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มอบเงินเยียวยาแก่ผู้เสียหายในคดีอาญา จำนวน 43 ราย รวมเป็นเงิน 3,199,869 บาท และมอบป้ายศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน 27 ศูนย์ โดยดังกล่าวจะช่วยเหลือประชาชนที่มีปัญหาในข้อพิพาท คอยไกล่เกลี่ยตั้งแต่ระดับชุมชน โดยเรื่องที่สามารถขอรับการช่วยเหลือคือ ไกล่เกลี่ยหนี้สิน ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ไกล่เกลี่ยคดีมรดก ไกล่เกลี่ยรุกล้ำพื้นที่ ไกล่เกลี่ยคดีชนแล้วหนี