นายก อบต.บางจาก มั่นใจพระลากเป็นของวัดมัชฌิมภูมิ 100% เดินหน้าเคลื่อนไหวทวงคืนต่อ

กรณีพระและชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 1 ต.บางจาก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้ออกมาเคลื่อนไหวทวงคืนพระลากซึ่งเป็นพระพุทธรูปโบราณที่ทำด้วยไม้ทั้งองค์ อายุกว่า 100ปี กลับคืนสู่วัดมัชฌิมภูมิ หรือวัดเกาะหัวบ้าน หลังจากพระลากได้สูญหายไปจากวัดเมื่อปี2554 และพบถูกนำไปทิ้งในคลองในลำคลองห้วย ชุมชนต้นหว้า หมู่ 6 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชเมื่อปี2556 ก่อนถูกเชิญมาประดิษฐานไว้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินครศรีธรรมราช ซึ่งต่อมาทางพระและชาวบ้านได้พยายามนำพยานหลักฐานที่มีอยู่ไปแสดงเพื่อทวงคืนพระลากเรื่อยมาหลายปีแต่ทางสำนักศิลปากรที่ 12 ยังไม่สามารถส่งมอบพระลากกลับคืนวัดได้ เนื่องหลักฐานยังไม่ครบสมบูรณ์ 100% นั้น

ล่าสุดวันนี้(27 ก.ค.) นายบำรุง เลขจิตร นายก อบต.บางจาก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามทวงคืนพระลากจากสำนักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราชว่า ตนได้เข้าร่วมประชุมกับทางจังหวัด หน่วยงานกรมศิลปากรและหน่วยงานต่างๆและหลายๆฝ่ายในการติดตามทวงคืนพระลากมาถึง 2 ครั้ งจนในที่สุดได้ข้อสรุปว่าทางกรมศิลปากรจะส่งมอบพระลากไม้ คืนให้กับทางวัดมัชฌิมภูมิ เมื่อ 3 เมษายนที่ผ่านมา แต่จู่ๆทางกรมศิลปากรได้อ้างคำสั่งของ ผวจ.นครศรีธรรมราชว่ายังติดขัดเรื่องระเบียบข้อ กม.ที่จะมารองรับการคืนพระลากให้ทางวัดมัชฌิมภูมิหรือวัดเกาะหัวบ้าน จึงยังไม่สามารถส่งคืนพระลากให้กับทางวัด จนสร้างความไม่พอใจให้พระและชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก เพราะชาวบ้านทุกคนต่างดีใจและเตรียมการรอรับการกลับมาวัดของพระลาก โดยเตรียมการจัดสถานที่ตู้กระจกและเตรียมจัดงานเฉลิมฉลองไว้พร้อมแล้ว ซึ่งตนก็ได้ขอร้องห้ามปรามชาวบ้านขอให้ใจเย็นเพราะสักวันหนึ่งพระลากก็จะกลับมาวัดอย่างแน่นอน

ตนมั่นใจถึง 100% เต็ม ว่าพระลากองค์นี้เป็นของมัชฌิมภูมิอย่างแน่นอนแบบไม่ต้องสงสัยเลย เพราะมีทั้งพยานหลักฐานยืนยันจำนวนมาก โดยมีพยานที่เป็นอดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.บางจาก ชื่อนายอาคม สุวรรณปากแพรก ซึ่งเป็นคนที่ดูแลพระลากองค์นี้มาโดยตลอด จะรู้ตำหนิและรูปพรรณของพระลากอย่างดี ทุกปีที่จะนำมาร่วมประเพณีชักพระของวัด ผู้ใหญ่บ้านคนนี้ก็จะเป็นคนนำพระลากออกมาเช็ดทำความสะอาดทุกครั้ง รวมทั้งหลักฐานต่างๆจากรูปถ่ายก็ยืนยันชัดเจน ซึ่งถ้าหากไม่ใช่พระลากของวัดมัชฌิมภูมิแล้ว พวกเราจะเคลื่อนไหวเอามาไว้ที่วัดกันทำไม ขอให้กรมศิลปากรเชื่อมั่นในความสัจจริงของพระและชาวบ้าน และเมื่อพระลากกลับมาวัด ก็ไม่ได้สมบัติของใครแต่เป็นสมบัติส่วนรวมของวัดที่เป็นศูนย์รวมใจจิตใจของชาวบ้าน

แม้ในข้อตกลงที่ทางกรมศิลปากรแจ้งก่อนจะส่งมอบคืนพระลากองค์นี้ห้ามบูรณะและห้ามสูญหายภายใน 1 ปี ตนต่อให้เป็น 5 ปี 10 ปี พระและชาวบ้านก็ยอมรับได้ เพียงแต่ขอให้พระลากองค์นี้ได้กลับมาอยู่ที่วัดเหมือนเดิมก็พอใจแล้ว และมีการจัดประจำปีเฉลิมฉลองทุกปี ไม่ต้องห่วง เพราะที่ผ่านมาก็ไม่มีวัดไหนมาอ้างความเป็นเจ้าของนอกจากวัดมัชฌิมภูมิ วัดเดียวเท่านั้น

ส่วนประเด็นที่ทาง ผวจ.นครศรีธรรมราช แนะนำว่า หากทางวัดอยากจะได้พระลากองค์นี้มาประดิษฐานไว้ที่วัดจริงๆเพื่อให้ชาวบ้านสักการะบูชา ทางวัดก็สามารถทำหนังสือแจ้งความประสงค์ใหม่ให้ทางจังหวัดและทางกรมศิลปากรขออัญเชิญพระลากองค์นี้มาประดิษฐานไว้ที่วัดนั้น ทางตนและและชาวบ้านและพระของวัดยินดีปฏิบัติตาม เพียงแต่ขอให้พระลากได้กลับมาอยู่ที่วัดเหมือนเดิม นายบำรุง นายก อบต.บางจาก กล่าวกับผู้สื่อข่าวในที่สุด.